1. พิจารณาว่าจะบริหารพอร์ตลงทุนเอง หรือให้มืออาชีพบริหาร ข้อคิดนี้ก็คือ มีเวลาเพียงพอและไปทำเองไหม มีช่องทางเข้าถึงข่าวสารข้อมูลที่เพียงพอไหม และทำเองเป็นหรือไม่ ไม่ต่างจากการเล่นพนันออนไลน์ ที่ต้องเรียนรู้และใช้เวลากับมันจนเข้าใจ
2. เลิกฝันลมๆ แล้งๆ ว่าจะซื้อในราคาถูกที่สุดแล้วจะขายในราคาแพงที่สุดไปได้แล้ว แม้ใครๆ ก็บอกให้ซื้อถูกขายแพง แต่ไม่ได้บอกให้หาจุดถูกที่สุดหรือแพงที่สุด เพราะไม่ว่าใครก็หาไม่เจอ และหากทำได้ก็เพราะบังเอิญเท่านั้น สิ่งที่ควรทำสำหรับผู้ลงทุนเองไม่ผ่านกองทุนก็คือ แสวงหาการลงทุนที่ตนถนัด เช่น ถ้าจะหาหุ้นมาลงทุน ก็ไม่ควรไล่ซื้อตามหุ้นในตลาด แต่ให้ดูว่าที่เศรษฐกิจจะเติบโตไปในทิศทางไหน หุ้นตัวไหนจะได้ประโยชน์ แล้วก็กำหนดราคาที่ซื้อได้กับราคาขายที่พอใจไว้เลย และต้องเลิกมุ่งคิดที่จะเอาชนะตลาดไปได้เลย เพราะผู้ลงทุนส่วนมากไม่ชนะตลาด แต่ตลาดนั่นแหละที่จะชนะผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ยังไม่มีความรู้ ความชำนาญ หรือไม่มีเวลามากพอ
3. คำนวณเงินที่ต้องมีใช้ในวัยเกษียณ น่าแปลกที่หลายคนกลัวว่าจะไม่มีเงินพอใช้ในวัยเกษียณ แต่หากถามกลับไปว่า ณ วันนี้มีเงินสะสมไว้เท่าไร หลายคนตอบไม่ได้ และที่แย่กว่านั้นคือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเท่าไหร่ถึงจะพอ ที่แย่ที่สุดคือส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดบอกว่าไม่เคยมีแผนการเงินเลย มันสำคัญมากที่จะต้องรู้และมีแผนที่จะทำให้ถึงเป้าหมายนั้น
4. สำรวจบัญชีทรัพย์สิน นี่เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องทำบัญชีทรัพย์สินไว้ว่ามีอะไรบ้าง ทั้งบ้าน ที่ดิน เครื่องเพชรพลอย รูปภาพ การลงทุนต่างๆ เงินฝาก หนี้สิน เงินฝาก กรมธรรม์ประกันต่างๆ ฯลฯ สิ่งสำคัญที่ทุกคนมักละเลยคือ มีทุกอย่างที่กล่าวถึง แต่ไม่ได้จดไว้ว่าหมายเลขบัญชีเป็นเท่าไร อยู่ที่ไหนบ้าง หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันจะต้องติดต่อใคร เบอร์โทรศัพท์อะไร เรื่องพวกนี้ต้องทำไว้และสำเนาให้คนที่ไว้ใจได้สักชุดสองชุด
5. พินัยกรรม หากรักและห่วงใยคนข้างหลังจงทำพินัยกรรมให้เรียบร้อย และคอยอัปเดตปีละครั้ง อย่าปล่อยให้การจากไปก่อให้เกิดเหตุน่าเศร้าเสียใจที่คนที่เรารักไม่ได้รับ ความมั่งคั่งจากสิ่งที่อยากจะให้
6. แบ่งปันความมั่งคั่งให้ผู้ด้อยกว่า เมื่อพอมีให้รู้จักการแบ่งปันส่วนน้อยให้ผู้ด้อยโอกาสที่ไม่จำเป็นต้องรู้จักบ้าง สังคมจะน่าอยู่ขึ้น หากรู้จักการเสียสละ เงินที่ให้จะมีค่าต่อผู้อื่นมากยิ่งกว่าเงินที่ใส่ซองให้คู่สมรสในงานแต่ง งานที่หรูหรา